Wrikka Learn

Dark mode

คู่มือการใช้ Git แบบเป็นขั้นตอน ​

พื้นฐานการใช้งาน Git ​

การเริ่มต้นโปรเจค ​

สร้าง repository ใหม่:

bash
# สร้าง Git repository ในโฟลเดอร์ปัจจุบัน
git init
  • สร้าง.git directory สำหรับเก็บประวัติ
  • ใช้ครั้งแรกเมื่อเริ่มโปรเจคใหม่

ทำงานกับ repository ที่มีอยู่:

bash
# โคลน repository จาก URL ที่ระบุ
git clone https://github.com/user/repo.git
  • โคลนทั้ง repository มาไว้เครื่อง
  • สามารถระบุชื่อโฟลเดอร์ปลายทางได้
bash
git clone https://github.com/user/repo.git my-project

การทำงานประจำวัน ​

วงจรการทำงานพื้นฐาน:

ตรวจสอบสถานะ:

bash
# แสดงสถานะไฟล์ที่เปลี่ยนแปลงทั้งหมด
git status
  • แสดงไฟล์ที่เปลี่ยนแปลง
  • แสดงไฟล์ที่เตรียม commit แล้ว
  • แสดงไฟล์ที่ยังไม่ถูก track

เตรียมไฟล์สำหรับ commit:

bash
# เตรียมไฟล์เดียวสำหรับ commit
git add file.txt
  
# เตรียมทุกไฟล์ที่เปลี่ยนแปลงสำหรับ commit
git add .
  • ใช้ git add . เพื่อเตรียมทุกไฟล์ที่เปลี่ยนแปลง

บันทึกการเปลี่ยนแปลง:

bash
# Commit การเปลี่ยนแปลงพร้อมข้อความอธิบาย
git commit -m "ข้อความอธิบายการเปลี่ยนแปลง"
  • ใช้ git commit -m เพื่อบันทึกการเปลี่ยนแปลงพร้อมข้อความอธิบาย

การทำงานกับ Branch ​

ภาพรวมการทำงานกับ Branch:

สร้าง branch ใหม่:

bash
# สร้าง branch ใหม่โดยยังไม่เปลี่ยนไปใช้
git branch feature/new-feature
  • ใช้ git branch เพื่อสร้าง branch ใหม่

เปลี่ยนไปใช้ branch:

bash
# เปลี่ยนไปทำงานบน branch ที่ระบุ
git checkout feature/new-feature
  • ใช้ git checkout เพื่อเปลี่ยนไปใช้ branch

ส่ง branch ไปยัง remote:

bash
# ส่ง branch ไปยัง remote repository
git push origin feature/new-feature
  • ใช้ git push เพื่อส่ง branch ไปยัง remote

การทำงานแบบทีม ​

การอัพเดทโค้ด ​

ดึงการเปลี่ยนแปลงล่าสุด:

bash
# ดึงและรวมการเปลี่ยนแปลงจาก remote branch
# ใช้เมื่อต้องการอัพเดทโค้ดให้ทันสมัย
git pull origin main
  • ใช้ git pull เพื่อดึงการเปลี่ยนแปลงล่าสุด

แก้ไข conflict:

bash
# เมื่อเกิด conflict ระหว่างการ merge
# 1. เปิดไฟล์ที่ conflict และแก้ไขด้วยมือ
# 2. เตรียมไฟล์ที่แก้ไขแล้ว
git add file-with-conflict.txt
# 3. ดำเนินการ merge ต่อ
git merge --continue
  • ใช้ git merge --continue เพื่อดำเนินการ merge ต่อ

ส่งการเปลี่ยนแปลงของคุณ:

bash
# ส่งการเปลี่ยนแปลงของคุณไปยัง remote repository
# ใช้หลังจาก commit แล้วเท่านั้น
git push origin feature/new-feature
  • ใช้ git push เพื่อส่งการเปลี่ยนแปลงของคุณ

การแก้ไข Conflict ​

ไฟล์ A -- แก้ไขบรรทัด 10 --> Conflict ไฟล์ B -- แก้ไขบรรทัด 10 --> Conflict Conflict -- git add --> ไฟล์ที่แก้ไขแล้ว

ยกเลิกการเปลี่ยนแปลงในไฟล์:

bash
# ยกเลิกการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดในไฟล์ที่ระบุ
# ใช้เมื่อต้องการกลับไปเวอร์ชันล่าสุดที่ commit
git checkout -- file.txt
  • ใช้ git checkout -- เพื่อยกเลิกการเปลี่ยนแปลง

แก้ไข commit ล่าสุด:

bash
# แก้ไข commit ล่าสุด (เปลี่ยนข้อความหรือเพิ่มไฟล์)
# 1. เตรียมไฟล์ที่ต้องการเพิ่ม (ถ้ามี)
git add forgotten-file.txt
# 2. แก้ไข commit
git commit --amend
# 3. ต้อง force push ถ้าเคย push ไปแล้ว
git push origin feature/new-feature --force
  • ใช้ git commit --amend เพื่อแก้ไข commit ล่าสุด

ย้าย commit ไป branch อื่น:

bash
# คัดลอก commit หนึ่งไปยัง branch ปัจจุบัน
# หา commit hash ได้จาก git log
git cherry-pick abc1234
# ถ้าเกิด conflict ให้แก้ไขแล้วรัน:
git cherry-pick --continue
  • ใช้ git cherry-pick เพื่อคัดลอก commit

Git Workflow ​

Working Directory -- git add --> Staging Area Staging Area -- git commit --> Local Repository Local Repository -- git push --> Remote Repository Remote Repository -- git pull --> Working Directory

ใช้ git log --oneline --graph เพื่อดูประวัติแบบย่อพร้อมแผนภาพ branch ใช้ .gitignore เพื่อระบุไฟล์/โฟลเดอร์ที่ต้องการไม่ track Commit บ่อยๆ ด้วยข้อความอธิบายที่ชัดเจน ทำความเข้าใจ workflow ของทีมก่อนเริ่มทำงาน

เทคนิคขั้นสูง ​

การใช้ Git Stash ​

เก็บการเปลี่ยนแปลงชั่วคราว:

bash
git stash
  • ใช้ git stash เพื่อเก็บการเปลี่ยนแปลงชั่วคราว

นำการเปลี่ยนแปลงกลับมา:

bash
git stash pop
  • ใช้ git stash pop เพื่อนำการเปลี่ยนแปลงกลับมา

การใช้ Git Tag ​

สร้าง tag สำหรับเวอร์ชัน:

bash
# สร้าง lightweight tag
git tag v1.0.0
  
# สร้าง annotated tag
git tag -a v1.0.0 -m "Release version 1.0.0"
  • ใช้ git tag เพื่อสร้าง tag สำหรับเวอร์ชัน

ส่ง tag ไปยัง remote:

bash
git push origin v1.0.0
  • ใช้ git push เพื่อส่ง tag ไปยัง remote

การใช้ Git Submodules ​

เพิ่ม submodule:

bash
git submodule add https://github.com/user/repo.git path/to/submodule

อัพเดท submodules ทั้งหมด:

bash
git submodule update --init --recursive
  • ใช้ git submodule add เพื่อเพิ่ม submodule
  • ใช้ git submodule update เพื่ออัพเดท submodules ทั้งหมด

การตั้งค่าและการแก้ไขปัญหา ​

การตั้งค่า Git ​

ตั้งค่าผู้ใช้:

bash
git config --global user.name "ชื่อของคุณ"
git config --global user.email "อีเมล@ของคุณ"
  • ใช้ git config --global เพื่อตั้งค่าผู้ใช้

ตั้งค่า editor:

bash
git config --global core.editor code
  • ใช้ git config --global เพื่อตั้งค่า editor

การแก้ไขปัญหา ​

ดูประวัติการ commit:

bash
# แสดงประวัติแบบย่อ
git log --oneline
  
# แสดงประวัติพร้อมกราฟ branch
git log --graph --oneline --all
  • ใช้ git log เพื่อดูประวัติการ commit

ค้นหาการเปลี่ยนแปลงในโค้ด:

bash
# ค้นหาว่าใครแก้ไขบรรทัดไหน
git blame file.txt
  • ใช้ git blame เพื่อค้นหาการเปลี่ยนแปลงในโค้ด

การใช้ .gitignore ​

สร้างไฟล์ .gitignore:

bash
# ตัวอย่างเนื้อหาในไฟล์ .gitignore
node_modules/
.env
*.log
  • ใช้ # เพื่อแสดงความคิดเห็น
  • ใช้ * เพื่อแสดงตัวแทน

ข้อมูลอ้างอิง ​

แหล่งเรียนรู้เพิ่มเติม ​

Last updated: