การใช้งาน

สร้างไฟล์ .env และอย่าลืมใส่ใน .gitignore ด้วย

การเข้าถึง

// ตัวอย่างไฟล์ .env
SUPABASE_URL=https://your-project-id.supabase.co
SUPABASE_ANON_KEY=your-anon-key
SUPABASE_SERVICE_ROLE_KEY=your-service-role-key

ตัวอย่างการใช้งานกับ Supabase

import { createClient } from '@supabase/supabase-js'

// สร้าง Supabase client จาก environment variables
const supabaseUrl = process.env.SUPABASE_URL
const supabaseAnonKey = process.env.SUPABASE_ANON_KEY

// ตรวจสอบว่ามีการตั้งค่าที่จำเป็นหรือไม่
if (!supabaseUrl || !supabaseAnonKey) {
  console.error('ไม่พบค่า SUPABASE_URL หรือ SUPABASE_ANON_KEY ในไฟล์ .env')
  process.exit(1) // ออกจากโปรแกรมด้วย exit code 1 (error)
}

// สร้าง Supabase client
const supabase = createClient(supabaseUrl, supabaseAnonKey)

// ตัวอย่างการใช้งาน Supabase
const useSupabase = async () => {
  try {
    // ดึงข้อมูลจากตาราง 'users'
    const { data, error } = await supabase
      .from('users')
      .select('id, name, email')
      .limit(10)
    
    if (error) {
      throw error
    }
    
    console.log('ผู้ใช้งาน:', data)
    return data
  } catch (error) {
    console.error('เกิดข้อผิดพลาด:', error)
    throw error
  }
}

// เรียกใช้งานฟังก์ชัน
useSupabase()

ข้อควรระวัง

• อย่า commit ไฟล์ .env ที่มีข้อมูลสำคัญขึ้น git
  • เพิ่ม .env ลงใน .gitignore เสมอ
• process.env คืนค่าเป็น string เสมอ
  • ถ้าต้องการใช้เป็น number หรือ boolean ต้องแปลง type เอง เช่น Number(process.env.PORT) หรือ process.env.FLAG === 'true'
• ตรวจสอบค่าก่อนใช้งาน
  • ควรเช็คว่าค่าที่ต้องใช้ถูกตั้งค่าหรือไม่ก่อนนำไปใช้งานจริง เพื่อป้องกัน error ที่ไม่คาดคิด
• หลีกเลี่ยงการ hardcode ค่า sensitive ในโค้ด
  • เช่น API Key, Token, Database URL ควรเก็บไว้ใน environment variable เท่านั้น
• สำหรับ production
  • ควรตั้งค่าผ่านระบบ deployment หรือ secret manager ของ platform แทนการใช้ไฟล์ .env ในเครื่อง production