Skip to content

Node.js vs Bun: ศึกยักษ์ใหญ่ JavaScript Runtime ใครเกิดก่อน ใครมาแรง?

เมื่อพูดถึงการรัน JavaScript นอกเบราว์เซอร์ Node.js คือพี่ใหญ่ที่ครองตลาดมานาน แต่ช่วงหลังมานี้ น้องใหม่ไฟแรงอย่าง Bun ก็กำลังมาแรงแซงโค้งด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง มาดูกันว่าทั้งสองตัวนี้ต่างกันอย่างไร และใครเหมาะกับงานแบบไหน

เปรียบเทียบหมัดต่อหมัด:

ฟีเจอร์Node.js (พี่ใหญ่เก๋าประสบการณ์)Bun (น้องใหม่ความเร็วสูง)
เป้าหมายหลักJavaScript Runtime ที่เสถียร, มี Ecosystem ใหญ่JavaScript/TypeScript Runtime ที่เร็วสุดๆ และ All-in-one
JavaScript EngineV8 (จาก Google Chrome, เน้นความเข้ากันได้และฟีเจอร์)JavaScriptCore (JSC) (จาก Safari/WebKit, เน้นความเร็ว)
ความเร็วเร็ว (โดยเฉพาะ I/O)เร็วมาก (เคลมว่าเร็วกว่า Node.js หลายเท่าในหลายๆ ด้าน)
TypeScript/JSXต้องตั้งค่าเพิ่ม (ใช้ tsc หรือ ts-node)รองรับในตัว (Built-in) ไม่ต้องตั้งค่าเพิ่ม!
Package Managernpm (มาตรฐาน), yarn, pnpm (ต้องติดตั้งแยก)มี Package Manager ในตัว (เร็วมาก, เข้ากันได้กับ npm)
Bundlerต้องใช้เครื่องมือแยก (เช่น Webpack, esbuild, Rollup)มี Bundler ในตัว (เร็วมาก)
Test Runnerต้องใช้เครื่องมือแยก (เช่น Jest, Mocha, Vitest)มี Test Runner ในตัว (เร็ว, เข้ากันได้กับ Jest)
Web APIsรองรับบางส่วน (เช่น fetch ในเวอร์ชันใหม่ๆ)รองรับในตัวหลายอย่าง (เช่น fetch, Response, Request)
ความเข้ากันได้เข้ากันได้กับ Node.js API และ npm package ส่วนใหญ่พยายามเข้ากันได้กับ Node.js API แต่ยังไม่ 100%
ความเสถียรเสถียรมาก (ใช้งานจริงใน Production มานาน)ยังใหม่ (เวอร์ชัน 1.0 เพิ่งเปิดตัวไม่นาน, อาจมี Bug)
ชุมชน/Ecosystemใหญ่และแข็งแกร่งมากกำลังเติบโต

ทำไม Bun ถึงเร็วกว่า?

  1. JavaScript Engine ต่างกัน: Bun ใช้ JavaScriptCore (JSC) ซึ่งถูกปรับแต่งมาเพื่อการ Start-up ที่เร็วกว่า V8
  2. เขียนด้วยภาษา Zig: Zig เป็นภาษา Low-level ที่ช่วยให้ควบคุม Memory และ Performance ได้ละเอียดกว่า C++ (ที่ใช้เขียน Node.js บางส่วน)
  3. เน้น Performance ตั้งแต่แรก: สถาปัตยกรรมของ Bun ถูกออกแบบมาโดยคำนึงถึงความเร็วเป็นหลัก
  4. ลดขั้นตอน: การรวม Bundler, Package Manager, Test Runner ไว้ในตัว ช่วยลด Overhead ในการเรียกใช้เครื่องมือหลายๆ ตัว

Node.js เหมาะกับใคร?

  • ต้องการ ความเสถียร และความน่าเชื่อถือสูงสุดสำหรับ Production
  • ต้องการ Ecosystem ที่ใหญ่ที่สุด และการรองรับ Library/Framework ที่กว้างขวางที่สุด
  • ทีมคุ้นเคยกับ Node.js และเครื่องมือต่างๆ (npm, Webpack, Jest) อยู่แล้ว
  • โปรเจกต์เดิมที่ใช้ Node.js อยู่แล้ว และยังไม่มีปัญหาเรื่อง Performance

Bun เหมาะกับใคร?

  • ต้องการ Performance สูงสุด เท่าที่จะเป็นไปได้ (เช่น งาน Build, Scripting, Serverless Functions)
  • ต้องการ ลดความซับซ้อน ของ Toolchain (ไม่ต้องติดตั้ง Bundler, Test Runner, Transpiler แยก)
  • ชอบการที่ TypeScript และ JSX ใช้งานได้เลย โดยไม่ต้องตั้งค่า
  • ต้องการ Package Manager ที่เร็ว มากๆ
  • กำลัง เริ่มโปรเจกต์ใหม่ และไม่กังวลเรื่องความเสถียรที่อาจจะยังไม่เท่า Node.js (ยอมรับความเสี่ยงได้บ้าง)
  • อยากลองของใหม่ที่กำลังมาแรง!

ตัวอย่าง: การรันไฟล์ TypeScript

สมมติมีไฟล์ hello.ts:

ts
// hello.ts
function greet(name: string): void {
  console.log(`Hello, ${name}!`);
}

greet("World");
  • ด้วย Node.js: ต้องติดตั้ง TypeScript (npm install -g typescript) แล้วคอมไพล์ (tsc hello.ts) ได้ไฟล์ hello.js จากนั้นรัน (node hello.js) หรือใช้ ts-node (npm install -g ts-node แล้วรัน ts-node hello.ts)
  • ด้วย Bun: รันได้เลย! bun run hello.ts จบ!

สรุป:

  • Node.js: พี่ใหญ่ใจดี มั่นคง เก๋าเกม Ecosystem แน่นปึ้ก
  • Bun: น้องใหม่ไฟแรง เร็วปรื๊ด All-in-one แต่ยังต้องพิสูจน์ตัวเองในระยะยาว

การเลือกใช้ขึ้นอยู่กับความต้องการของโปรเจกต์ ถ้าเน้นเสถียรและเข้ากันได้ Node.js ยังเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัย แต่ถ้าต้องการความเร็วและลดความซับซ้อน Bun ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากๆ และมีแนวโน้มที่จะได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ครับ ลองจับมาเล่นดูทั้งคู่ แล้วคุณจะรู้ว่าชอบสไตล์ไหนมากกว่ากัน!